ขึ้นคาน
ที่มา
: https://w.pantip.com
สำนวน : ขึ้นคาน
ความหมาย : หญิงโสดที่มีอายุมากและยังไม่ได้แต่งงาน หมดโอกาสที่จะแต่งงานเพราะเลยวัย
ที่มา :
คำว่า “ขึ้นคาน” คือ การชักรอกหรือยกเรือให้ขึ้นเหนือน้ำเพราะต้องการจะบำรุงซ่อมแซมตัวเรือ ในส่วนที่อยู่ในน้ำมานานหลายปี
หรือเรือที่ถูกปลดระวาง เลิกใช้เนื่องจากเรือมีสภาพเก่าแก่ จอดแช่น้ำเวลานาน
ก็นำขึ้นบกยกขึ้นคานเพื่อจะได้นำไปเก็บในที่ที่เตรียมไว้ต่อไป ในบางครั้งก็จะเรือขึ้นคานเก็บไว้
ถ้ายังไม่มีการใช้งาน เพราะถ้าปล่อยจอดแช่น้ำเวลานานใต้ ท้องเรือก็จะผุ และชำรุดเร็วขึ้น
วิธีนี้ยังเป็นการยืดระยะเวลาการใช้งานของเรือให้มีอายุนานขึ้นอีกด้วย เปรียบเหมือนหญิงที่ยังไม่มีสามี
อาจเป็นเพราะยังหาชายที่เหมาะสมไม่ได้ หรืออาจ เป็นสาวใหญ่มานานก็เลยไม่มีชายใดมาคิดที่จะมากวนใจ
บางครั้งก็เป็นคำพูดกระแนะกระแหนว่า ‘อยู่เป็นโสดจนขึ้นคาน’
หรือ ‘แก่จนขึ้นคาน’
แต่คนที่ถูกพูดถึงมักจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร
ตัวอย่างการใช้ : “ คุณสมหญิงอายุตั้ง 40 แล้วยังไม่มีครอบครัวเลย ดิฉันว่าคุณน่าจะเปิดใจบ้างนะคะ สวยๆ อย่างคุณไม่ควรขึ้นคานเลย ”
จระเข้ขวางคลอง
ที่มา
: https://www.gotoknow.org
สำนวน
: จระเข้ขวางคลอง
ความหมาย : ขวางทาง
เกะกะ กีดขวางทาง ขัดขวางใครอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่มีเหตุผล ขัดขวางผู้อื่นจน
ก่อให้เกิดความรำคาญ
ที่มา : คนในสมัยก่อนใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ต้องอาศัยแม่น้ำลำคลองสัญจรไปมา บริโภคใช้สอยหลายอย่าง ถือว่าเป็นของสำคัญของชีวิต
อีกทั้งสมัยนั้นน้ำยังไม่เน่าเสีย เรือที่ใช้ก็มีแต่เรือพาย
จึงมีจระเข้ชุกชมตามลำคลอง
จนบางครั้งจระเข้ลอยตัวโผล่ขึ้นมาให้ผู้คนได้เห็นเป็นที่น่ากลัวยิ่งจระเข้ตัวใหญ่จะมีนิสัยอวดดี
เกะกะเกเรขวางคลองเรือก็จะผ่านไปมาไม่ได้
ทั้งที่ตัวมันเองก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรจากการขวางคลอง
สำนวน ‘จระเข้ขวางคลอง’ จึงหมายถึง
บุคคลที่ไม่ได้ทำประโยชน์ แต่กลับสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น
ชอบสวนกระแสกับความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เกิดความราบรื่น
ตัวอย่างการใช้ : งานกลุ่มต้องมีการแสดงความคิดเห็นกัน เสียงส่วนใหญ่ก็ยอมตกลง
คุณน่าจะทำความเข้าใจและยอมรับไม่ใช่ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองแบบนี้
จะทำให้การทำงานร่วมกันลำบากนะคะ
โบแดง
ที่มา
: https://th.pngtree.com
สำนวน
: โบแดง
ความหมาย : งานชิ้นสำคัญที่ได้รับการยกย่อง
สิ่งที่ดีเด่นเป็นที่น่ายกย่องนับถือ
คำอธิบาย : สำนวนนี้เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
พระองค์ได้จัดการประกวดการตั้งโต๊ะเครื่องบูชาแบบจีน
ถ้าโต๊ะบูชาของผู้ใดมีความสวยงามตระการตาอย่างมาก
ก็จะนำผ้าแพรผูกไว้เพื่อเป็นเครื่องหมาย
แต่เดิมผ้าแพรแดงที่ใช้อยู่มีขนาดรูปลักษณ์ดูเกะกะรุงรังเกินไป
ภายหลังจึงเปลี่ยนมาใช้ผ้าชิ้นเล็ก มีลักษณะรูปหูกระต่าย และเรียกกันว่า “โบแดง” หมายถึง
การแสดงถึงความสามารถดีเด่น ให้ผู้คนได้รับรู้ยกย่องนับถือกัน
หรือแสดงให้เห็นถึงชิ้นผลงานที่มีความสำคัญ
ตัวอย่างการใช้ :
เทอมนี้อาจารย์ไม่มีสอบกลางภาค แต่มีงานให้ทำเป็นงานชิ้นโบแดง
ที่ทุกคนต้องทำส่งสัปดาห์หน้า
ปั้นน้ำเป็นตัว
ที่มา
: https://xn--42c2bfa2bahd2be5aj3gdc50aif.blogspot.com
สำนวน
: ปั้นน้ำเป็นตัว
ความหมาย :
การโกหกปั้นเรื่องราวขึ้นมาโดยไม่มีมูลเหตุของความจริง
ที่มา
: สำนวนนี้มาจากลักษณะของน้ำที่เป็นของเหลว
จึงไม่สามารถจะเอาน้ำมาปั้นเป็นรูปร่างอะไรได้ นอกจากความเย็นเท่านั้นสำนวน ‘ปั้นน้ำเป็นตัว’ หมายถึง
คนที่พูดเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริง
ตัวอย่างการใช้
: “สิ่งที่เธอพูดมันไม่จริง เลิกปั้นน้ำเป็นตัวได้แล้ว คนอื่นเขาเบื่อคำพูดของเธอแล้ว”
ฝนตกขี้หมูไหล
สำนวน : ฝนตกขี้หมูไหล
ความหมาย
: พลอยเหลวไหลไปด้วยกัน
ที่มา
: สำนวนนี้มาจากการเลี้ยงหมูอย่างง่ายๆ คือ
เลี้ยงไว้กับพื้นดิน ทำคอกกั้นล้อมรอบ เมื่อมีฝนตกลงมา
ขี้หมูที่อยู่ในคอกก็จะไหลตามน้ำฝนไปสำนวน ‘ฝนตกขี้หมูไหล’ หมายถึง คนหลายๆคนเมื่อมีโอกาสได้มาพบปะกัน สุมหัวกัน
เพื่อวัตถุประสงค์จะทำให้สิ่งไม่ดี หรือชักจูงกันไปทางไม่ดี
ตัวอย่างการใช้ : “วัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่น่าไว้ใจ รวมตัวกันเมื่อไหร่ดูท่าจะ ‘ฝนตกขี้หมูไหล’ ทุกครั้งเลย”
พูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ
ที่มา
: http://www.e-toyotaclub.net
สำนวน : พูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ
ความหมาย :
พูดห้วนๆ พูดอย่างแห้งแล้งน้ำใจ
คำอธิบาย : คำว่า “มะนาวไม่มีน้ำ” คือ
ในช่วงฤดูแล้ง ผลมะนาวจะไม่ค่อยมีน้ำ ต้องบีบเค้น
แต่ก็จะได้เพียงแค่ที่ออกมาจากผิวเปลือก ซึ่งก็จะมีรสขม สำนวน “พูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ”
จึงหมายถึง พูดในลักษณะไม่มีไมตรี น้ำเสียงแข็งกระด้าง เฉยชา
ผู้ได้รับฟังก็จะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี
ตัวอย่างการใช้ : “ฉันไปขอความช่วยเหลือจากเขา ‘แต่เขากลับพูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ’
ฉันคงไม่กล้าไปรบกวนเขาอีกแล้ว และฉันก็เสียใจจริงๆ เคยช่วยเหลือกันมาแท้ๆ”
มือไม่พาย
เอาเท้าราน้ำ
ที่มา
: https://board.postjung.com
สำนวน : มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
ความหมาย : ไม่ช่วยทำแล้วยังขัดขวางการทำงานของผู้อื่น
ไม่สนับสนุนแล้วยังทำให้ท้อ
ที่มา :
สำนวนนี้มาจากการนั่งเรือไปร่วมกัน
หากต้องการจะไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วก็ต้องช่วยกันพาย
แต่ถ้าอีกคนหนึ่งพายอีกคนเอาเท้าลงไปราน้ำ ก็จะทำให้ไปถึงที่หมายช้าเข้าไปอีก
สำนวน ‘มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ’ หมายถึง
เมื่อต้องทำอะไรร่วมกับผู้อื่นแล้วตนเองไม่ช่วยทำ แต่ก็ยังเป็นตัวถ่วง
เหนี่ยวรั้งให้ช้าลง
ทำให้งานลุล่วงไปได้ช้า
ตัวอย่างการใช้ : “นี่งานกลุ่มนะ
คนอื่นเขารีบทำงานกันอยู่ ถ้าเธอไม่ช่วยอย่ามายุ่ง มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ”
ยกธงขาว
ที่มา
: https://th.pngtree.com
สำนวน
: ยกธงขาว
ความหมาย
: ยอมแพ้
ที่มา
: สำนวนนี้มาจากการทำศึกสงคราม
โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ยอมแพ้ จึงยกธงขาวเพื่อให้อีกฝ่ายรู้
สำนวน
‘ยกธงขาว’ หมายถึงหมายถึง
การต่อสู้กันในเรื่องต่างๆ แต่ทั้งสองฝ่ายต่างมีฝีมือ ความสามารถเท่าเทียมกัน
จึงไม่มีผู้ยอมแพ้ จนกระทั่งล่วงเลยไปนาน จึงต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้
ตัวอย่างการใช้
: “ฉันคงยอมแพ้แล้วจริงๆ ฉันเหนื่อย
ฉันไม่อยากต่อสู้กับใคร ฉันขอยกธงขาว”
ย่างสามขุม
สำนวน : ย่างสามขุม
ความหมาย : เดินจ้องเขม็งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเข้าใส่ ก้าวเป็นจังหวะยักเยื้องเป็น
3 เส้า หรือ 3 ท่า อย่างคน ฟันดาบ หรือนักมวยเวลาอยู่บนสังเวียน
ที่มา : สำนวนนี้มาจากการเดินก้าวอย่างช้าๆ ทีละก้าว
เป็นลีลาท่าเดินของกระบวนเพลงที่เขาต่อสู้กัน เช่น ฟันดาบ ท่ามวยท่ากระบี่กระบอง สำนวน
“ย่างสามขุม” หมายถึง คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ ไม่พอใจ
จ้องอีกฝ่ายจนตาไม่กะพริบ พร้อมที่จะเอาเรื่องได้ทุกเมื่อ
ตัวอย่างการใช้ : เขาโมโหมาก ย่างสามขุม
เข้ามาหาพวกเราที่โต๊ะแล้วตวาดใส่อย่างรุนเเรง
ลิงหลอกเจ้า
สำนวน
: ลิงหลอกเจ้า
ความหมาย
: ล้อหลอกผู้ใหญ่เวลาผู้ใหญ่เผลอ
ที่มา : สำนวนนี้มาจากลักษณะกิริยาท่าทางของลิงที่ชอบหลอกล้อคน หรือการแสดงโขนตัว
หนุมาน ที่ชอบหลอกล้อ ทศกัณฐ์ โดยการเลียนแบบกิริยาท่าทางของลิงจริงมาใช้ สำนวน ‘ลิงหลอกเจ้า’ หมายถึง
การแสดงกิริยาหลอกล้อผู้ใหญ่ต่อหน้า พอผู้ใหญ่เผลอหรือหันไปทางอื่น
ก็ทำตัวเป็นหลุกหลิก ทำเป็นเรียบร้อยชั่วครั้งชั่วคราว
ตัวอย่างการใช้ :
“เด็กคนนี้ ชอบทำกิริยาล้อเลียนผู้ใหญ่เหมือนลิงหลอกเจ้า”
รักนวลสงวนตัว
ที่มา
: https://drama.kapook.com
สำนวน : รักนวลสงวนตัว
ความหมาย : เป็นผู้หญิงต้องระมัดระวังไม่ให้ชายล่วงเกินได้ง่ายๆ
ที่มา : คนไทยสมัยก่อนให้ความสำคัญอย่างมากกับเรื่องพรหมจรรย์หรือความบริสุทธิ์ของผู้หญิง
โดยถือกันว่าผู้หญิงที่ดีต้องไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนวันแต่งงานตามประเพณีพรหมจรรย์จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ใช้กำหนดคุณค่าของผู้หญิง
โลกทัศน์นี้ยังสอนให้ผู้หญิงมีจิตใจเข้มแข็งอดทนอดกลั้นต่อความต้องการพื้นฐานด้านอารมณ์ของมนุษย์
รู้จักมีครอบครัวเมื่อมีความพร้อมซึ่งมีส่วนช่วยสร้างครอบครัวที่มีคุณภาพและมีความมั่นคงต่อไป
คำว่า นวล หมายถึง ผิวที่งามผุดผ่องของวัยสาว คนสมัยก่อนสอนบุตรสาวให้ รักนวล และ
สงวนตัว คือ ไม่ให้ชายใดมาถูกต้องเนื้อตัวเพราะถือกันว่าทำให้มัวหมอง มาราคี
ตัวอย่างการใช้ :
“สิ่งที่สำคัญที่ผู้หญิงอย่างเราๆ ควรทำตามที่พ่อแม่สั่งสอนมา คือ
การรักนวลสงวนตัว”
เสน่ห์ปลายจวัก
ที่มา
: http://thaiyai.igetweb.com
สำนวน : เสน่ห์ปลายจวัก
ความหมาย : หญิงที่มีฝีมือปรุงอาหารโอชารส
ที่มา : “จวัก”
เป็นเครื่องใช้สำหรับตักข้าวหรือแกง ทำด้วยกะลามะพร้าว มีด้าม รูปคล้ายทัพพี
เสน่ห์ที่อยู่ปลายจวักจึงกล่าวถึงอาหารที่ทำนั่นเอง
ดังนั้นคนไทยจึงมองว่าการทำอาหารเก่งเป็นเสน่ห์ของหญิงไทยสมัยก่อน
ตัวอย่างการใช้ :
“ดาวเรืองเป็นผู้หญิงที่ทำอาหารอร่อย สมชายซึ่งเป็นสามีของเธอชอบชวนเพื่อนมารับประทานอาหารที่บ้านบ่อยๆ
ทำให้เพื่อนของสมชายแอบอิจฉาสมชายที่ได้ภรรยามีเสน่ห์ปลายจวัก”
เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
ที่มา
: https://sites.google.com
สำนวน : เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
ความหมาย :
ประพฤติตามอย่างผู้ใหญ่ย่อมปลอดภัย
คำอธิบาย : ภาษิตนี้สะท้อนความคิดของคนไทยที่ว่า
ผู้ใหญ่ย่อมรู้วิธีการป้องกันตนเองจากสุนัขที่อาจจะเข้ามาทำร้ายโดยใช้ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา
ดังนั้นเด็กที่เดินตามหลังผู้ใหญ่จึงปลอดภัยเช่นกัน
คนไทยได้นำภาษิตนี้มาเปรียบเทียบกับการกระทำอย่างอื่นด้วยว่า
หากประพฤติสิ่งใดตามอย่างผู้ใหญ่ย่อมปลอดภัยเพราะผู้ใหญ่เคยผ่านประสบการณ์นั้นๆ
มาก่อนแล้วย่อมรู้ว่าควรประพฤติอย่างไร
ตัวอย่างการใช้ :
“ผู้หลักผู้ใหญ่เขาแนะนำ คุณก็ควรจะทำตามเขาว่า เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด”
เชื้อไม่ทิ้งแถว
ที่มา
: https://www.google.co.th
สำนวน :
เชื้อไม่ทิ้งแถว
ความหมาย : บรรพบุรุษต้นวงศ์ตระกูลเป็นอย่างไร เชื้อสายสืบมาก็เป็นอย่างนั้น
ใช้ทั้งทางดีและไม่ดี
ที่มา
: คนไทยมีโลกทัศน์ว่าชาติตระกูลส่งผลถึงอุปนิสัยใจคอของบุคคลได้
โดยคนที่มีชาติตระกูลสูงย่อมได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี
ทำให้มีกิริยามารยาทและอุปนิสัยดี เป็นคนมีศีลธรรม
ส่วนคนที่มีชาติตระกูลต่ำไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาดีพอทำให้มีกิริยามารยาทและอุปนิสัยใจคอไม่ดี
ตัวอย่างการใช้
: เธอนี่ใจบุญสุนทานเหมือนแม่เธอจริงๆนะ แบบนี้สินะ
เชื้อไม่ทิ้งแถว
ลอยชาย
สำนวน
: ลอยชาย
ความหมาย : ทำตามสบายใจ ทำตามชอบใจ ทำอย่างเป็นอิสระ แสดงท่าทางภาคภูมิ
ไม่มีความเคารพ
ที่มา : มาจากการนุ่งผ้าในสมัยโบราณ การนุ่งผ้านุ่ง กล่าวกว้างๆมี 2 อย่าง อย่างหนึ่งนุ่งม้วนชายโจงกระเบน
อีกอย่างหนึ่งนุ่งปล่อยชายลงไปไม่โจงกระเบนเรียกว่า นุ่งลอยชาย
นุ่งโจงกระเบนถือว่าสุภาพ ส่วนนุ่งลอยชายเป็นการนุ่งตามสบาย
อย่างอยู่กับบ้านก็นุ่งลอยชายได้แต่ถ้าไปพบผู้ใหญ่หรือการไปสถานที่สำคัญก็ต้องรวบชายโจงกระเบนให้สุภาพเรียบร้อยมิเช่นนั้นถือว่าเป็นการไม่มีความเคารพ
การนุ่งผ้าลอยชายเป็นการทำตามสบายไม่แยแสต่ออะไรจึงเท่ากับเป็นการแสดงว่าถือดีทำตัวเอง
ตัวอย่างการใช้ : “เธอดูน้องคนนั้นสิ แต่งตัวไม่เรียบร้อยลอยชายมาเรียนอีกแล้ว
อาจารย์เตือนไปอาทิตย์ที่แล้วแต่เขากลับไม่สนใจเลย”
ลูกผีลูกคน
ที่มา
: https://sites.google.com
สำนวน
: ลูกผีลูกคน
ความหมาย :
เอาแน่เอานอนไม่ได้ ก้ำกึ่งว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ
ที่มา : มาจากทารกที่เกิดใหม่ในสมัยโบราณการแพทย์ยังไม่เจริญ
ทารกที่คลอดใหม่มักจะไม่รอดหรือตายภายใน 3 วัน ถ้าพ้น 3
วันไปแล้วก็ถือว่าไม่เป็นอันตรายจึงเกิดมีวิธีทำเคล็ดตอนเอาเด็กใส่กระด้งร่อน
“สามวันลูกผีสี่วันลูกคน ลูกใครเอาไปเน้อ” ในคำทำขวัญของทารกโบราณก็มีว่า “เราสู้ขอซื้อไว้ให้เป็นเบี้ยสามสิบสามค่าตัวตามสินไถ่ในสามวันเป็นลูกผีสี่วันเป็นลูกคน”
ดังนี้จึงเกิดคำว่าลูกผีลูกคนคือเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าจะรอดหรือไม่รอด
ตัวอย่างการใช้ : “งานวิชาคติชนที่ต้องลงพื้นที่ก็ยังหาข้อมูลได้ไม่ครบ
เป็นลูกผีลูกคนอยู่แต่สัปดาห์หน้าต้องนำเสนอแล้ว แต่เราก็ยังมีกำลังใจดีอยู่”
รีๆ
ขวางๆ
สำนวน : รีๆ ขวางๆ
ความหมาย :
ทำหรือพูดอะไรขัดๆขวางๆ เกะกะ ขัดหูขัดตา
ที่มา : คำว่า รี แปลว่า ยาว ส่วนคำว่า ขวาง แปลว่า กว้าง
รีกับขวางใช้รวมกันหมายถึงว่า ไปตามยาวทางหนึ่งกับไปตามขวางทางหนึ่ง ในรัชกาลที่ 4
โปรดให้ทำถนนเจริญกรุงตอนในไปบรรจบถนนเจริญกรุงตอนนอกที่ประตูสามยอดเป็นถนนยาวเรื่อยไปก็เป็นถนนรีแล้วให้ตัดถนนเรียกว่าถนนขวางจากท่าโรงยาริมแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านถนนเจริญกรุงไปจดวัดบวรนิเวศน์
คือถนนเฟื่องนคร รีกับขวางก็คือว่า ไปตามตรงบ้างตามขวางบ้าง
ตัวอย่างการใช้ :
“ถ้าเธอจะทำสื่อการสอนต่ออีกนานก็ช่วยเก็บของที่ขวางทางเดินคนอื่นก่อนได้ไหม
ไม่ใช่มาทำรีๆขวางๆ แบบนี้คนอื่นเขาเดินลำบาก”
ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน
ที่มา
: https://th.pngtree.com
สำนวน : ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน
ความหมาย : ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริง
ว่านิสัยอย่างไร ฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร
ที่มา :
ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เรียกทิศใต้ว่า เบื้องหัวนอน เรียกทิศเหนือว่า
เบื้องตีนนอน สมัยโบราณเรียกทิศหัวนอน ทิศตีนนอนกันจนติดปาก
ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนจึงแปลว่าไม่รู้ว่ามาจากทิศใต้หรือทิศเหนือ
ไม่รู้ว่าเป็นคนทางไหนกันแน่
ความหมาย : เธอกล้าไปเที่ยวกลางคืนกับเขาได้อย่างไร พึ่งรู้จักกันเมื่อวาน
ยังไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนเค้าด้วยซ้ำ ฉันว่ามันไม่น่าไว้ใจเลยนะ
ไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย
ที่มา : http://www.thanyaburi45.rmutt.ac.th
ที่มา : http://www.oceansmile.com
สำนวน : ไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย
ความหมาย : ทำอะไรไม่เป็น
พึ่งตัวเองไม่ได้ คนอื่นจะพึ่งพาก็ไม่ได้
ที่มา : มาจากการเดินทาง ทางเรือในทะเล สำเภาโบราณเรียกว่า เรือโล้
เรือนี้ตรงท้ายจะเป็นช่องที่ว่างสำหรับแจวเรือ เวลาจะแจวให้เรือแล่นก็จับกระดิกไปกระดิกมา
เรือใช้แจวเป็นอย่างหางเสือถือท้ายไปในตัวด้วยเรียกว่า โล้ จึงหมายถึง
โล้ก็ไม่เป็น แจวก็ไม่เป็น พายก็ไม่เป็น คือทำอะไรก็ไม่เข้าท่า
ตัวอย่างการใช้ : เธอจะไปให้เขาช่วยอะไรเธอ
เขาช่วยเธอไม่ได้หรอก ตัวเขาเองก็ยังไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรซักอย่าง
ที่มา : https://www.vegus567.com
สำนวน : ไม่กี่น้ำ
ความหมาย :
ไม่ช้า ไม่นาน ไม่ใดไม่เท่าไหร่
ที่มา : การพนันแข่งขันที่มีเวลาพักเป็นระยะ
เช่นไก่ชนหือชกมวย เวลาหยุดพักครึ่งหนึ่ง มีการให้กินน้ำ
และชโลมตัวให้สดชื่นเรียกว่า ให้น้ำ คู่ต่อสู้ที่เก่งก็หยุดพักให้น้ำหลายครั้ง
ถ้าฝ่ายไม่เก่งให้น้ำไม่กี่ครั้งก็แพ้ จึงเดมีคำพูด ไม่กี่น้ำ หมายถึง
ให้น้ำไม่เท่าไหร่ก็แพ้ เอามาใช้เป็นสำนวน หมายความว่า ทรงตัวอยู่ได้ไม่นาน
ตัวอย่างการใช้ : สมชายมีแฟนใหม่อีกแล้ว ไม่รู้ว่าคนนี้จะไปกันได้กี่น้ำ ก็คนก่อนๆ
ไม่ถึงเดือนก็เลิกกัน
อ้างอิง
กรองแก้ว ฉายสภาวธรรม. (ม.ป.ป.). สารานุกรม ภาษิต คำพังเพย และสำนวนไทย.
กรุงเทพฯ : ต้นธรรมสำนักพิมพ์
วรารัชต์ มหามนตรี. (2557).
โลกทัศน์ของคนไทยจากภาษิต. พิษณุโลก : ดาวเงินการพิมพ์
จัดทำโดย
นางสาวฐิติรัตน์ กมขุนทด
นางสาวมัทนียา วังฉาย
สาขาภาษาไทย คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี