วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561


ขึ้นคาน
                                                 ที่มา : https://w.pantip.com
สำนวน : ขึ้นคาน
 ความหมาย : หญิงโสดที่มีอายุมากและยังไม่ได้แต่งงาน หมดโอกาสที่จะแต่งงานเพราะเลยวัย
 ที่มา : คำว่า “ขึ้นคาน” คือ การชักรอกหรือยกเรือให้ขึ้นเหนือน้ำเพราะต้องการจะบำรุงซ่อมแซมตัวเรือ       ในส่วนที่อยู่ในน้ำมานานหลายปี หรือเรือที่ถูกปลดระวาง เลิกใช้เนื่องจากเรือมีสภาพเก่าแก่ จอดแช่น้ำเวลานาน ก็นำขึ้นบกยกขึ้นคานเพื่อจะได้นำไปเก็บในที่ที่เตรียมไว้ต่อไป ในบางครั้งก็จะเรือขึ้นคานเก็บไว้ ถ้ายังไม่มีการใช้งาน เพราะถ้าปล่อยจอดแช่น้ำเวลานานใต้ ท้องเรือก็จะผุ และชำรุดเร็วขึ้น วิธีนี้ยังเป็นการยืดระยะเวลาการใช้งานของเรือให้มีอายุนานขึ้นอีกด้วย เปรียบเหมือนหญิงที่ยังไม่มีสามี อาจเป็นเพราะยังหาชายที่เหมาะสมไม่ได้ หรืออาจ เป็นสาวใหญ่มานานก็เลยไม่มีชายใดมาคิดที่จะมากวนใจ บางครั้งก็เป็นคำพูดกระแนะกระแหนว่า อยู่เป็นโสดจนขึ้นคานหรือ แก่จนขึ้นคาน แต่คนที่ถูกพูดถึงมักจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร
 ตัวอย่างการใช้ :  “ คุณสมหญิงอายุตั้ง 40 แล้วยังไม่มีครอบครัวเลย ดิฉันว่าคุณน่าจะเปิดใจบ้างนะคะ สวยๆ อย่างคุณไม่ควรขึ้นคานเลย ”


จระเข้ขวางคลอง


                                                                                     ที่มา : https://www.gotoknow.org
สำนวน : จระเข้ขวางคลอง
ความหมาย : ขวางทาง เกะกะ กีดขวางทาง ขัดขวางใครอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่มีเหตุผล ขัดขวางผู้อื่นจน
ก่อให้เกิดความรำคาญ
 ที่มา : คนในสมัยก่อนใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติ ต้องอาศัยแม่น้ำลำคลองสัญจรไปมา บริโภคใช้สอยหลายอย่าง ถือว่าเป็นของสำคัญของชีวิต อีกทั้งสมัยนั้นน้ำยังไม่เน่าเสีย เรือที่ใช้ก็มีแต่เรือพาย จึงมีจระเข้ชุกชมตามลำคลอง จนบางครั้งจระเข้ลอยตัวโผล่ขึ้นมาให้ผู้คนได้เห็นเป็นที่น่ากลัวยิ่งจระเข้ตัวใหญ่จะมีนิสัยอวดดี เกะกะเกเรขวางคลองเรือก็จะผ่านไปมาไม่ได้ ทั้งที่ตัวมันเองก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรจากการขวางคลอง
สำนวน จระเข้ขวางคลอง จึงหมายถึง บุคคลที่ไม่ได้ทำประโยชน์ แต่กลับสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น ชอบสวนกระแสกับความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ เป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้เกิดความราบรื่น
 ตัวอย่างการใช้ : งานกลุ่มต้องมีการแสดงความคิดเห็นกัน เสียงส่วนใหญ่ก็ยอมตกลง คุณน่าจะทำความเข้าใจและยอมรับไม่ใช่ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองแบบนี้ จะทำให้การทำงานร่วมกันลำบากนะคะ




โบแดง


                                                                                             ที่มา : https://th.pngtree.com
สำนวน : โบแดง
 ความหมาย : งานชิ้นสำคัญที่ได้รับการยกย่อง สิ่งที่ดีเด่นเป็นที่น่ายกย่องนับถือ
 คำอธิบาย : สำนวนนี้เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์ได้จัดการประกวดการตั้งโต๊ะเครื่องบูชาแบบจีน ถ้าโต๊ะบูชาของผู้ใดมีความสวยงามตระการตาอย่างมาก ก็จะนำผ้าแพรผูกไว้เพื่อเป็นเครื่องหมาย แต่เดิมผ้าแพรแดงที่ใช้อยู่มีขนาดรูปลักษณ์ดูเกะกะรุงรังเกินไป ภายหลังจึงเปลี่ยนมาใช้ผ้าชิ้นเล็ก มีลักษณะรูปหูกระต่าย และเรียกกันว่า “โบแดง” หมายถึง การแสดงถึงความสามารถดีเด่น ให้ผู้คนได้รับรู้ยกย่องนับถือกัน หรือแสดงให้เห็นถึงชิ้นผลงานที่มีความสำคัญ
 ตัวอย่างการใช้ : เทอมนี้อาจารย์ไม่มีสอบกลางภาค แต่มีงานให้ทำเป็นงานชิ้นโบแดง ที่ทุกคนต้องทำส่งสัปดาห์หน้า



                                                           ปั้นน้ำเป็นตัว


                                              ที่มา : https://xn--42c2bfa2bahd2be5aj3gdc50aif.blogspot.com

สำนวน : ปั้นน้ำเป็นตัว
 ความหมาย : การโกหกปั้นเรื่องราวขึ้นมาโดยไม่มีมูลเหตุของความจริง
ที่มา : สำนวนนี้มาจากลักษณะของน้ำที่เป็นของเหลว จึงไม่สามารถจะเอาน้ำมาปั้นเป็นรูปร่างอะไรได้ นอกจากความเย็นเท่านั้นสำนวน ปั้นน้ำเป็นตัว หมายถึง คนที่พูดเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริง
 ตัวอย่างการใช้ : “สิ่งที่เธอพูดมันไม่จริง เลิกปั้นน้ำเป็นตัวได้แล้ว คนอื่นเขาเบื่อคำพูดของเธอแล้ว”


                                                                        ฝนตกขี้หมูไหล


                                                                                            ที่มา : https://mgronline.com

สำนวน : ฝนตกขี้หมูไหล
 ความหมาย : พลอยเหลวไหลไปด้วยกัน
 ที่มา : สำนวนนี้มาจากการเลี้ยงหมูอย่างง่ายๆ คือ เลี้ยงไว้กับพื้นดิน ทำคอกกั้นล้อมรอบ เมื่อมีฝนตกลงมา ขี้หมูที่อยู่ในคอกก็จะไหลตามน้ำฝนไปสำนวน ฝนตกขี้หมูไหล หมายถึง คนหลายๆคนเมื่อมีโอกาสได้มาพบปะกัน สุมหัวกัน เพื่อวัตถุประสงค์จะทำให้สิ่งไม่ดี หรือชักจูงกันไปทางไม่ดี
 ตัวอย่างการใช้ : “วัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่น่าไว้ใจ รวมตัวกันเมื่อไหร่ดูท่าจะ ฝนตกขี้หมูไหล ทุกครั้งเลย”


                                                              พูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ


                                                                                     ที่มา : http://www.e-toyotaclub.net
สำนวน : พูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ
 ความหมาย : พูดห้วนๆ พูดอย่างแห้งแล้งน้ำใจ
 คำอธิบาย :  คำว่า “มะนาวไม่มีน้ำ” คือ ในช่วงฤดูแล้ง ผลมะนาวจะไม่ค่อยมีน้ำ ต้องบีบเค้น แต่ก็จะได้เพียงแค่ที่ออกมาจากผิวเปลือก ซึ่งก็จะมีรสขม สำนวน “พูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ” จึงหมายถึง พูดในลักษณะไม่มีไมตรี น้ำเสียงแข็งกระด้าง เฉยชา ผู้ได้รับฟังก็จะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี
 ตัวอย่างการใช้ :  “ฉันไปขอความช่วยเหลือจากเขา แต่เขากลับพูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ ฉันคงไม่กล้าไปรบกวนเขาอีกแล้ว และฉันก็เสียใจจริงๆ เคยช่วยเหลือกันมาแท้ๆ”


                                                              มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ


                                                                    ที่มา : https://board.postjung.com
สำนวน : มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
 ความหมาย : ไม่ช่วยทำแล้วยังขัดขวางการทำงานของผู้อื่น ไม่สนับสนุนแล้วยังทำให้ท้อ
 ที่มา : สำนวนนี้มาจากการนั่งเรือไปร่วมกัน หากต้องการจะไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วก็ต้องช่วยกันพาย แต่ถ้าอีกคนหนึ่งพายอีกคนเอาเท้าลงไปราน้ำ ก็จะทำให้ไปถึงที่หมายช้าเข้าไปอีก
สำนวน มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ หมายถึง เมื่อต้องทำอะไรร่วมกับผู้อื่นแล้วตนเองไม่ช่วยทำ แต่ก็ยังเป็นตัวถ่วง เหนี่ยวรั้งให้ช้าลง  ทำให้งานลุล่วงไปได้ช้า
 ตัวอย่างการใช้ : “นี่งานกลุ่มนะ คนอื่นเขารีบทำงานกันอยู่ ถ้าเธอไม่ช่วยอย่ามายุ่ง มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ”


                                                                          ยกธงขาว


                                                                                            ที่มา : https://th.pngtree.com
สำนวน : ยกธงขาว
 ความหมาย : ยอมแพ้
 ที่มา : สำนวนนี้มาจากการทำศึกสงคราม โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ยอมแพ้ จึงยกธงขาวเพื่อให้อีกฝ่ายรู้
สำนวน ยกธงขาว หมายถึงหมายถึง การต่อสู้กันในเรื่องต่างๆ แต่ทั้งสองฝ่ายต่างมีฝีมือ ความสามารถเท่าเทียมกัน จึงไม่มีผู้ยอมแพ้ จนกระทั่งล่วงเลยไปนาน จึงต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้
 ตัวอย่างการใช้ : “ฉันคงยอมแพ้แล้วจริงๆ ฉันเหนื่อย ฉันไม่อยากต่อสู้กับใคร ฉันขอยกธงขาว”


                                                                              ย่างสามขุม


                                                           ที่มา : http://thaiachira.blogspot.com

สำนวน : ย่างสามขุม
 ความหมาย : เดินจ้องเขม็งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเข้าใส่ ก้าวเป็นจังหวะยักเยื้องเป็น 3 เส้า หรือ 3 ท่า อย่างคน ฟันดาบ หรือนักมวยเวลาอยู่บนสังเวียน
 ที่มา : สำนวนนี้มาจากการเดินก้าวอย่างช้าๆ ทีละก้าว เป็นลีลาท่าเดินของกระบวนเพลงที่เขาต่อสู้กัน เช่น ฟันดาบ ท่ามวยท่ากระบี่กระบอง สำนวนย่างสามขุม” หมายถึง คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ ไม่พอใจ จ้องอีกฝ่ายจนตาไม่กะพริบ พร้อมที่จะเอาเรื่องได้ทุกเมื่อ
 ตัวอย่างการใช้ :  เขาโมโหมาก ย่างสามขุม เข้ามาหาพวกเราที่โต๊ะแล้วตวาดใส่อย่างรุนเเรง 



                                                           ลิงหลอกเจ้า


                                                            ที่มา : http://samnuan-thai.blogspot.com
สำนวน : ลิงหลอกเจ้า
 ความหมาย : ล้อหลอกผู้ใหญ่เวลาผู้ใหญ่เผลอ
 ที่มา : สำนวนนี้มาจากลักษณะกิริยาท่าทางของลิงที่ชอบหลอกล้อคน หรือการแสดงโขนตัว หนุมาน ที่ชอบหลอกล้อ ทศกัณฐ์ โดยการเลียนแบบกิริยาท่าทางของลิงจริงมาใช้ สำนวน ลิงหลอกเจ้า หมายถึง การแสดงกิริยาหลอกล้อผู้ใหญ่ต่อหน้า พอผู้ใหญ่เผลอหรือหันไปทางอื่น ก็ทำตัวเป็นหลุกหลิก ทำเป็นเรียบร้อยชั่วครั้งชั่วคราว
 ตัวอย่างการใช้ : “เด็กคนนี้ ชอบทำกิริยาล้อเลียนผู้ใหญ่เหมือนลิงหลอกเจ้า”


                                                                   รักนวลสงวนตัว


                                                                                      ที่มา : https://drama.kapook.com
สำนวน : รักนวลสงวนตัว
 ความหมาย :  เป็นผู้หญิงต้องระมัดระวังไม่ให้ชายล่วงเกินได้ง่ายๆ
 ที่มา : คนไทยสมัยก่อนให้ความสำคัญอย่างมากกับเรื่องพรหมจรรย์หรือความบริสุทธิ์ของผู้หญิง โดยถือกันว่าผู้หญิงที่ดีต้องไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนวันแต่งงานตามประเพณีพรหมจรรย์จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ใช้กำหนดคุณค่าของผู้หญิง โลกทัศน์นี้ยังสอนให้ผู้หญิงมีจิตใจเข้มแข็งอดทนอดกลั้นต่อความต้องการพื้นฐานด้านอารมณ์ของมนุษย์ รู้จักมีครอบครัวเมื่อมีความพร้อมซึ่งมีส่วนช่วยสร้างครอบครัวที่มีคุณภาพและมีความมั่นคงต่อไป คำว่า นวล หมายถึง ผิวที่งามผุดผ่องของวัยสาว คนสมัยก่อนสอนบุตรสาวให้ รักนวล และ สงวนตัว คือ ไม่ให้ชายใดมาถูกต้องเนื้อตัวเพราะถือกันว่าทำให้มัวหมอง มาราคี
 ตัวอย่างการใช้ : “สิ่งที่สำคัญที่ผู้หญิงอย่างเราๆ ควรทำตามที่พ่อแม่สั่งสอนมา คือ การรักนวลสงวนตัว”


                                                                      เสน่ห์ปลายจวัก



                                                                                      ที่มา : http://thaiyai.igetweb.com
สำนวน : เสน่ห์ปลายจวัก
 ความหมาย : หญิงที่มีฝีมือปรุงอาหารโอชารส
 ที่มา :  “จวัก” เป็นเครื่องใช้สำหรับตักข้าวหรือแกง ทำด้วยกะลามะพร้าว มีด้าม รูปคล้ายทัพพี เสน่ห์ที่อยู่ปลายจวักจึงกล่าวถึงอาหารที่ทำนั่นเอง ดังนั้นคนไทยจึงมองว่าการทำอาหารเก่งเป็นเสน่ห์ของหญิงไทยสมัยก่อน
 ตัวอย่างการใช้ : “ดาวเรืองเป็นผู้หญิงที่ทำอาหารอร่อย สมชายซึ่งเป็นสามีของเธอชอบชวนเพื่อนมารับประทานอาหารที่บ้านบ่อยๆ ทำให้เพื่อนของสมชายแอบอิจฉาสมชายที่ได้ภรรยามีเสน่ห์ปลายจวัก”


                                                         เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด


                                                                                          ที่มา : https://sites.google.com

สำนวน : เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด
 ความหมาย : ประพฤติตามอย่างผู้ใหญ่ย่อมปลอดภัย
 คำอธิบาย : ภาษิตนี้สะท้อนความคิดของคนไทยที่ว่า ผู้ใหญ่ย่อมรู้วิธีการป้องกันตนเองจากสุนัขที่อาจจะเข้ามาทำร้ายโดยใช้ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ดังนั้นเด็กที่เดินตามหลังผู้ใหญ่จึงปลอดภัยเช่นกัน คนไทยได้นำภาษิตนี้มาเปรียบเทียบกับการกระทำอย่างอื่นด้วยว่า หากประพฤติสิ่งใดตามอย่างผู้ใหญ่ย่อมปลอดภัยเพราะผู้ใหญ่เคยผ่านประสบการณ์นั้นๆ มาก่อนแล้วย่อมรู้ว่าควรประพฤติอย่างไร
 ตัวอย่างการใช้ : “ผู้หลักผู้ใหญ่เขาแนะนำ คุณก็ควรจะทำตามเขาว่า เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด”



                                                                         เชื้อไม่ทิ้งแถว


                                                                                      ที่มา : https://www.google.co.th
สำนวน : เชื้อไม่ทิ้งแถว
ความหมาย : บรรพบุรุษต้นวงศ์ตระกูลเป็นอย่างไร เชื้อสายสืบมาก็เป็นอย่างนั้น ใช้ทั้งทางดีและไม่ดี
ที่มา : คนไทยมีโลกทัศน์ว่าชาติตระกูลส่งผลถึงอุปนิสัยใจคอของบุคคลได้ โดยคนที่มีชาติตระกูลสูงย่อมได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี ทำให้มีกิริยามารยาทและอุปนิสัยดี เป็นคนมีศีลธรรม ส่วนคนที่มีชาติตระกูลต่ำไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาดีพอทำให้มีกิริยามารยาทและอุปนิสัยใจคอไม่ดี
ตัวอย่างการใช้ : เธอนี่ใจบุญสุนทานเหมือนแม่เธอจริงๆนะ แบบนี้สินะ เชื้อไม่ทิ้งแถว


                                                                         ลอยชาย
                                                                                 ที่มา : http://fkomiko.blogspot.com
สำนวน : ลอยชาย
 ความหมาย : ทำตามสบายใจ ทำตามชอบใจ ทำอย่างเป็นอิสระ แสดงท่าทางภาคภูมิ ไม่มีความเคารพ
 ที่มา : มาจากการนุ่งผ้าในสมัยโบราณ การนุ่งผ้านุ่ง กล่าวกว้างๆมี 2 อย่าง อย่างหนึ่งนุ่งม้วนชายโจงกระเบน อีกอย่างหนึ่งนุ่งปล่อยชายลงไปไม่โจงกระเบนเรียกว่า นุ่งลอยชาย นุ่งโจงกระเบนถือว่าสุภาพ ส่วนนุ่งลอยชายเป็นการนุ่งตามสบาย อย่างอยู่กับบ้านก็นุ่งลอยชายได้แต่ถ้าไปพบผู้ใหญ่หรือการไปสถานที่สำคัญก็ต้องรวบชายโจงกระเบนให้สุภาพเรียบร้อยมิเช่นนั้นถือว่าเป็นการไม่มีความเคารพ การนุ่งผ้าลอยชายเป็นการทำตามสบายไม่แยแสต่ออะไรจึงเท่ากับเป็นการแสดงว่าถือดีทำตัวเอง
 ตัวอย่างการใช้ : “เธอดูน้องคนนั้นสิ แต่งตัวไม่เรียบร้อยลอยชายมาเรียนอีกแล้ว อาจารย์เตือนไปอาทิตย์ที่แล้วแต่เขากลับไม่สนใจเลย”


                                                                          ลูกผีลูกคน

                                                                                    ที่มา : https://sites.google.com
สำนวน : ลูกผีลูกคน
 ความหมาย : เอาแน่เอานอนไม่ได้ ก้ำกึ่งว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ
 ที่มา : มาจากทารกที่เกิดใหม่ในสมัยโบราณการแพทย์ยังไม่เจริญ ทารกที่คลอดใหม่มักจะไม่รอดหรือตายภายใน 3 วัน ถ้าพ้น 3 วันไปแล้วก็ถือว่าไม่เป็นอันตรายจึงเกิดมีวิธีทำเคล็ดตอนเอาเด็กใส่กระด้งร่อน “สามวันลูกผีสี่วันลูกคน ลูกใครเอาไปเน้อ” ในคำทำขวัญของทารกโบราณก็มีว่า “เราสู้ขอซื้อไว้ให้เป็นเบี้ยสามสิบสามค่าตัวตามสินไถ่ในสามวันเป็นลูกผีสี่วันเป็นลูกคน” ดังนี้จึงเกิดคำว่าลูกผีลูกคนคือเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าจะรอดหรือไม่รอด
 ตัวอย่างการใช้ : “งานวิชาคติชนที่ต้องลงพื้นที่ก็ยังหาข้อมูลได้ไม่ครบ เป็นลูกผีลูกคนอยู่แต่สัปดาห์หน้าต้องนำเสนอแล้ว แต่เราก็ยังมีกำลังใจดีอยู่”



                                                           รีๆ ขวางๆ
                                                                               ที่มา : http://www.bangkokpath.com
สำนวน : รีๆ ขวางๆ
 ความหมาย : ทำหรือพูดอะไรขัดๆขวางๆ เกะกะ ขัดหูขัดตา
 ที่มา : คำว่า รี แปลว่า ยาว ส่วนคำว่า ขวาง แปลว่า กว้าง รีกับขวางใช้รวมกันหมายถึงว่า ไปตามยาวทางหนึ่งกับไปตามขวางทางหนึ่ง ในรัชกาลที่ 4 โปรดให้ทำถนนเจริญกรุงตอนในไปบรรจบถนนเจริญกรุงตอนนอกที่ประตูสามยอดเป็นถนนยาวเรื่อยไปก็เป็นถนนรีแล้วให้ตัดถนนเรียกว่าถนนขวางจากท่าโรงยาริมแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านถนนเจริญกรุงไปจดวัดบวรนิเวศน์ คือถนนเฟื่องนคร รีกับขวางก็คือว่า ไปตามตรงบ้างตามขวางบ้าง
 ตัวอย่างการใช้ : “ถ้าเธอจะทำสื่อการสอนต่ออีกนานก็ช่วยเก็บของที่ขวางทางเดินคนอื่นก่อนได้ไหม ไม่ใช่มาทำรีๆขวางๆ แบบนี้คนอื่นเขาเดินลำบาก”



                                                           ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน

                                                                                           ที่มา : https://th.pngtree.com
สำนวน : ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน
 ความหมาย : ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริง ว่านิสัยอย่างไร ฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร
 ที่มา : ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เรียกทิศใต้ว่า เบื้องหัวนอน เรียกทิศเหนือว่า เบื้องตีนนอน สมัยโบราณเรียกทิศหัวนอน ทิศตีนนอนกันจนติดปาก ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนจึงแปลว่าไม่รู้ว่ามาจากทิศใต้หรือทิศเหนือ ไม่รู้ว่าเป็นคนทางไหนกันแน่
 ความหมาย : เธอกล้าไปเที่ยวกลางคืนกับเขาได้อย่างไร พึ่งรู้จักกันเมื่อวาน ยังไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนเค้าด้วยซ้ำ ฉันว่ามันไม่น่าไว้ใจเลยนะ


                                                               ไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย
                                                                    ที่มา : http://www.thanyaburi45.rmutt.ac.th
                                                                                   ที่มา : http://www.oceansmile.com

สำนวน : ไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย
ความหมาย  : ทำอะไรไม่เป็น พึ่งตัวเองไม่ได้ คนอื่นจะพึ่งพาก็ไม่ได้
 ที่มา : มาจากการเดินทาง ทางเรือในทะเล สำเภาโบราณเรียกว่า เรือโล้ เรือนี้ตรงท้ายจะเป็นช่องที่ว่างสำหรับแจวเรือ  เวลาจะแจวให้เรือแล่นก็จับกระดิกไปกระดิกมา เรือใช้แจวเป็นอย่างหางเสือถือท้ายไปในตัวด้วยเรียกว่า โล้ จึงหมายถึง โล้ก็ไม่เป็น แจวก็ไม่เป็น พายก็ไม่เป็น คือทำอะไรก็ไม่เข้าท่า
 ตัวอย่างการใช้ :  เธอจะไปให้เขาช่วยอะไรเธอ เขาช่วยเธอไม่ได้หรอก ตัวเขาเองก็ยังไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรซักอย่าง



                                                         ไม่กี่น้ำ
                                                                                   ที่มา : https://www.vegus567.com

สำนวน : ไม่กี่น้ำ
 ความหมาย : ไม่ช้า ไม่นาน ไม่ใดไม่เท่าไหร่
 ที่มา :  การพนันแข่งขันที่มีเวลาพักเป็นระยะ เช่นไก่ชนหือชกมวย เวลาหยุดพักครึ่งหนึ่ง มีการให้กินน้ำ และชโลมตัวให้สดชื่นเรียกว่า ให้น้ำ คู่ต่อสู้ที่เก่งก็หยุดพักให้น้ำหลายครั้ง ถ้าฝ่ายไม่เก่งให้น้ำไม่กี่ครั้งก็แพ้ จึงเดมีคำพูด ไม่กี่น้ำ หมายถึง ให้น้ำไม่เท่าไหร่ก็แพ้ เอามาใช้เป็นสำนวน หมายความว่า ทรงตัวอยู่ได้ไม่นาน
 ตัวอย่างการใช้ : สมชายมีแฟนใหม่อีกแล้ว ไม่รู้ว่าคนนี้จะไปกันได้กี่น้ำ ก็คนก่อนๆ ไม่ถึงเดือนก็เลิกกัน


อ้างอิง
กรองแก้ว ฉายสภาวธรรม. (ม.ป.ป.). สารานุกรม ภาษิต คำพังเพย และสำนวนไทย. กรุงเทพฯ : ต้นธรรมสำนักพิมพ์
วรารัชต์ มหามนตรี. (2557). โลกทัศน์ของคนไทยจากภาษิต. พิษณุโลก : ดาวเงินการพิมพ์

จัดทำโดย
นางสาวฐิติรัตน์ กมขุนทด
นางสาวมัทนียา วังฉาย
สาขาภาษาไทย คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น